หน้าเว็บ

29 สิงหาคม 2555

google plus ดีกว่า facebook อย่างไร

google plus ดีกว่า facebook อย่างไร

9 เหตุผลที่ควรย้ายจาก Facebook มาใช้ Google+

ในตอนนี้ ถ้าพูดถึง Facebook กับ Google+ (Google Plus) คำถามแรกที่จะต้องได้ยินคือว่า Google+ จะมาแข่งกับ Facebook หรือเปล่า? เพราะดูจากฟีเจอร์ที่มีแล้ว ค่อนข้างคล้ายคลึงกับ Facebook พอสมควรครับ ถึงจะไม่เหมือนเป๊ะๆ แต่เชื่อว่า คนที่เคยเล่น Facebook มาก่อน คงจะหันมาเล่น Google+ ได้ไม่ยากเช่นกัน วันนี้ผมมีบทความเกี่ยวกับ Google+ มาให้อ่านกันครับ ซึ่งเป็นบทความจากเว็บไซต์ macworld.com (แต่ต้นฉบับของบทความนี้ อยู่ที่เว็บไซต์ PCWorld.com ครับ) โดยผู้เขียนให้ได้เหตุผลถึง 9 ข้อด้วยกัน ลองมาดูกันครับว่า ทำไม เราควรย้ายจาก Facebook มาใช้ Google+ ครับ
1) Google+ สามารถเชื่อมโยงกับบริการอื่นๆ จาก Google ได้
เชื่อว่า นี่อาจเป็นเหตุผลหลักที่จะช่วยผลักดันให้คนหันมาใช้ Google+ กันมากขึ้นครับ เพราะ Google ได้สร้าง Google+ ให้เชื่อมต่อกับผลิตภัณฑ์ออนไลน์มากมายที่ Google สร้างสรรค์ไว้ให้ ถ้าคุณอยากจะเช็คเมล Google ก็มี Gmail หรือถ้าหากคุณจะทำการเอกสาร Google เค้าก็มี Google Docs ไว้คอยบริการ รวมไปถึงการค้นหาข้อมูลต่างๆ (Search) Google ก็ขึ้นชื่ออันดับ 1 เรื่อง Search Engine อยู่แล้ว เรียกว่า ใช้แค่อย่างเดียว ก็สามารถทำได้ทุกอย่างนั่นเองครับ ที่สำคัญคือ บริการต่างๆ เหล่านั้น ใช้ฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายด้วย ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ Facebook ยังทำไม่ได้ครับ
2) Google+ บริหารจัดการกลุ่มเพื่อนได้ดีกว่า
ที่ผู้เขียนเค้าบอกว่า Google+ จะสามารถบริหารจัดการกลุ่มเพื่อนได้ดีกว่า ก็เพราะฟีเจอร์ที่มีชื่อว่า Circles นั่นเองครับ ซึ่งในชีวิตจริงนั้น เรามีเพื่อนหลายประเภท และมีวิธีสื่อสารและปฏิสัมพันธ์ในวิธีที่แตกต่างกันไป จึงทำให้เกิด Circle ขึ้นมาแบ่งแยกว่า อันนี้คือ กลุ่มเพื่อนที่โรงเรียนนะ อันนี้เป็นผู้ร่วมงาน อันนี้เป็นเพื่อนที่มหาลัย ถ้าถามว่า แล้ว Facebook ไม่มีการจัดการแบบนี้หรือ จริงๆ แล้วมีครับ แต่จะทำได้ “ยุ่งยากกว่า” (เขาให้เหตุผลมาแบบนี้ครับ) เพราะ Groups ใน Facebook เป็นแค่ฟังก์ชั่นที่เพิ่มขึ้นมา แต่ Circles ใน Google+ เป็น “รากฐาน” ที่ Google ได้สร้างขึ้นมานานแล้วนั่นเองครับ
3) Google+ มี Mobile App ดีกว่า
ใครที่ใช้แอนดรอยด์โฟนอยู่ จะพบว่า การจะเข้าคอนเทนต์อะไรซักอย่างจากโทรศัพท์มือถือ ทำได้ง่ายมากครับ อีกทั้ง Google+ Mobile App (ผู้เขียนบอกว่า) เป็น App ที่ยอดเยี่ยมมาก ด้วยเหตุนี้ Google จึงกำลังหาทางทำให้แอนดรอยด์โฟน เชื่อมต่อกับ Google+ ได้อย่างไร้ที่ติ เพื่อเป็นยกระดับ Mobile App ให้ดีขึ้นไปอีก เพราะ Google หวังว่า อยากจะให้ Google+ นั้น เป็นฐานรวมผู้ใช้แอนดรอยด์ที่ใหญ่ที่สุดครับ
4) Google+ หาบทความ/สิ่งที่น่าสนใจ มาแชร์ได้ง่ายกว่า
เหตุผลที่ผู้เขียนบอกว่า Google+ หาของมาแชร์ได้ง่าย เพราะมีฟีเจอร์ที่ชื่อ Sparks ครับ โดยอาศัยข้อมูลจาก Search Engine อย่าง Google นั่นเอง เมื่อเปรียบเทียบกับ Facebook แล้ว Facebook ไม่มี Search Engine ในตัวครับ ถ้าจะหาข้อมูลดีๆ ก็ต้องเปิดเว็บและทิ้งลิงค์เอาไว้ภายหลัง หรือไม่ก็ต้องรอเพื่อนมาแชร์ แต่ถ้าใช้ Google+ ปัญหาต่างๆ เหล่านี้จะหมดไปด้วยฟีเจอร์ Sparks ครับ
5) Google+ สามารถดึงข้อมูลกลับมาได้
Facebook นั้น สามารถบริหารจัดการข้อมูลส่วนตัวได้ค่อนข้างยากกว่า Google+ ครับ เพราะข้อมูลส่วนตัวบางอย่าง เราอยากจะเก็บไว้เป็นความลับ แต่ Facebook นั้นจะบังคับให้เราเปิดเผยข้อมูลบางส่วนนั้นเป็น “Public” (สาธารณะ) ไม่ใช่ “Private” (ส่วนตัว) นอกจากนี้ การลบ Account บน Facebook ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกเช่นกันครับ อีกทั้งถ้าหากลบแล้ว ก็คือลบเลย เกิดวันนึงอยากได้รูปที่เคยโพสลง Facebook ก็เอากลับมาไม่ได้แล้ว เพราะ Account ถูกลบไปแล้ว แต่บน Google+ เราสามารถทำได้ครับ แม้ว่า Account ของเราจะถูกลบไปก็ตาม เพราะบน Google+มีฟีเจอร์ที่ชื่อว่า Data Liberation ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ทั้งรูป, โปรไฟล์, Stream, Buzz รวมไปถึง รายชื่อผู้ติดต่อ ได้อีกด้วยครับ
6) Google+ มีระบบการ Tag รูปดีกว่า
สำหรับการ Tag รูปนั้น ทั้ง Facebook กับ Google+ สามารถทำได้เหมือนกันคือ จิ้มที่หน้าคนที่เราต้องการจะ Tag แล้วใส่ชื่อ แต่สิ่งที่ผู้เขียน ได้เขียนเพิ่มลงไปก็คือว่า บน Google+ นั้น จะมีการส่งข้อความแจ้งคนที่เราเพิ่งใส่ชื่อ Tag ไปว่า เราได้ Tag เค้าไปนะ ซึ่งตรงนี้ ผมคิดต่างครับ เพราะ Facebook ก็มีระบบแจ้งเตือนเวลาเราโดน Tag รูปเหมือนกัน เลยไม่คิดว่า จุดนี้ Google+ จะแตกต่างจาก Facebook ครับ
7) Google+ มีระบบแชทที่เยี่ยมกว่า
จริงๆ แล้วทั้ง Facebook กับ Google+ ก็มีระบบแชทด้วยกันทั้งคู่ เพียงแต่ Google+ อาจจะได้เปรียบกว่าตรงที่ Google เองก็มีระบบแชทที่ชื่อว่า Google Talk อยู่แล้ว ซึ่งได้นำระบบบางอย่างบน Google Talk มาปรับใช้กับ Google+ ครับ ทำให้สามารถใช้ Video Chat ได้, คุยกันเป็นกลุ่ม Circles ได้ แถมด้วยโปรแกรมแชทอย่าง Huddle ซึ่งตรงนี้ถือว่า Google+ เหนือกว่า Facebook อยู่หลายขุมครับ
8) Google+ มีระบบการแชร์ที่ปลอดภัยกว่า
ความ ปลอดภัยในการแชร์ข้อมูลในที่นี้ หมายถึง เวลาที่เราอัพเดทข้อความ, รูป หรืออะไรก็ตามแต่ เราสามารถตั้งค่าได้ว่า ใครกันที่สามารถมองเห็นได้ จะให้เห็นกันทั้ง Circles หรือให้เฉพาะบุคคลเห็น Google+ ก็สามารถทำได้ครับ “แต่” จริงๆ แล้ว Facebook ก็ทำได้เหมือนกันครับ เพียงแต่ว่า ไอคอนการตั้งค่าเล็กเกินไป (สังเกตหน้า Facebook ครับ ด้านล่างที่เราจะโพสข้างๆ ปุ่ม Share จะมีไอคอนรูปแม่กุญแจอยู่) ทำให้หลายๆ คนอาจจะมองไม่เห็น ก็เลยคิดไปว่า Facebook คงทำไม่ได้แน่ๆ แต่ Google+ เค้าดึงฟีเจอร์นี้ออกมาให้เห็นกันชัดๆ ครับ แต่ใครที่เคยตั้งค่าความเป็นส่วนตัวกันไปก่อนหน้านั้น ต้องระวังนิดนึงครับ เพราะทั้ง Facebook กับ Google+ จะจำการตั้งค่าครั้งล่าสุดเอาไว้ ฉะนั้น ก่อนจะโพสอะไร ต้องมั่นใจเลยว่า เราโพสไปหาไม่ผิดคนแน่ๆ
9) Google ดูแลข้อมูลส่วนตัวได้ดีกว่า
ใน ข้อนี้ ผมไม่ขอให้ความเห็นว่าระหว่าง Facebook กับ Google ใครจะปกป้องข้อมูลส่วนตัวไม่ให้รั่วไหลได้มากกว่ากัน เพราะส่วนใหญ่แล้ว พวกรูปหลุดเอย ข้อมูลหลุดเอย ก็มักจะมาจากเจ้าของมากกว่าครับที่อาจจะตั้งค่าพลาดเอง หรือไม่ก็มาจากกลุ่มเพื่อนเสียมากกว่า
หมดแล้วครับ 9 เหตุผลที่ควรย้ายจาก Facebook มาใช้ Google+ ซึ่งอันนี้เป็นเพียงข้อวิจารณ์ของผู้เขียนจากเว็บไซต์ PCWorld.com เท่านั้นนะครับ Facebook อาจจะไม่ได้แย่ไปทุกข้อตามที่ผู้เขียนได้เขียนไว้ก็ได้ครับ แต่ Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้ง Facebook ยังมี Google+ เลยนะ :)


http://www.kwamru.com/

สิ่งที่ควรทราบ ความแตกต่างของ ADSL กับ 3G ควรเลือกใช้อะไร

สิ่งที่ควรทราบ ความแตกต่างของ ADSL กับ 3G ควรเลือกใช้อะไร

 
 
 
อินเตอร์เน็ตบ้านจะใช้งาน ต่างรูปแบบกับ 3G

โดย ADSL ใช้ได้เต็มสปีดไม่จำกัดปริมาณข้อมูล และความเร็วเสถียรที่กว่า

3G ทุกเครือค่าย แพ็คเกจ UNLIMITED จะมีนโยบายข้อหนึ่งที่เหมือนกัน

คือ ใช้ได้ไม่จำกัด แต่จะใช้งานที่ความเร็วสูงสุด อยู่ที่ข้อมูลระดับหนึ่ง

เช่น AIS 3G หรือ TRUE 3G จะใช้ที่ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 3GB.

ถ้าเกิน 3GB. ขึ้นไป จะถูกลดสปีดลงมา

โดย TRUE เหลืออยู่ที่ 256 kbps.

ถ้าเป็น AIS จำกัดไว้ที่ 384 kbps.

เรียกว่า fair usage policy เพื่อป้องกันคนเอาไปใช้งานผิดประเภท

เช่นโหลดบิท โหลดเพลง ฯลฯ อีกอย่าง ถึงจะเคลมไว้ที่ความเร็วสูงสุด

21 Mbps แต่เมื่อใช้งานจริง ก็จะไม่เกิน 12 Mbps โดยขึ้นอยู่กับอุปกรณ์

ที่ใช้ เช่น smart phone ก็จะมีไม่กี่รุ่น ที่สามารถรองรับได้ที่ความเร็วนี้ได้

อย่าง iPhone4 เองก็สามารถรองรับได้ที่ 7.2 Mbps. เท่านั้น

จากข้อมูลข้างต้นก็ขอให้ผู้ที่คิดจะใช้บริการ อินเตอร์เน็ตบ้าน หรือ 3G

ชั่งน้ำหนักด้วยตนเองว่า มีพฤติกรรมในการใช้ อินเตอร์เน็ต อย่างไร

Bit Torrent คืออะไร คนเล่นเน็ททุกคนควรต้องรู้ แม้ประโยชน์มหาศาล แต่ไม่ควรใช้

Bit Torrent คืออะไร คนเล่นเน็ททุกคนควรต้องรู้ แม้ประโยชน์มหาศาล แต่ไม่ควรใช้



Bit Torrent เป็นสังคมแห่งการแบ่งปันไฟล์ และเป็นสิ่งที่คนเล่นอินเตอร์เน็ท (ความเร็วสูง) ควรจะต้องรู้จักไว้ เพราะถือว่ามีประโยชน์มหาศาล แม้จะผิดแง่ศีลธรรมอย่างรุนแรง เพราะเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ แต่คนเล่นเน็ทก็สามารถหามันเจอได้ในเว็บไซด์ใต้ดิน หรือในหมู่คนเล่นเน็ท โดยเว็บไซด์ศูนย์กลางปล่อยไฟล์พวกนี้ จะเป็นเว็บใต้ดิน ไม่มีการโฆษณาโจ๋งครึ่ม แต่หากหามันเจอก็คือสวรรค์สำหรับคนเล่นเน็ทดีๆนี่เอง (แต่นรกสำหรับเจ้าของลิขสิทธิ์ไฟล์)
ผมไม่อยากสนับสนุนการใช้ bit torrent แต่จะอธิบายว่ามันคืออะไร ในวงการ bit torrent นั้นมันสามารถทำอะไรได้บ้าง? คือเราสามารถดาวโหลดสิ่งที่อยากได้ที่เป็นไฟล์คอมพิวเตอร์ เช่น ไฟล์เพลง, ไฟล์หนัง,?ไฟล์ซีรีเกาหลี, ไฟล์หนังไฮเดฟ,?ไฟล์ดีวีดี, ซอฟแวร์ต่างๆ, E-book , รูปภาพคอลเล็กชั่น, เกมส์คอม, เกมส์คอนโซล? สรุปคือทุกอย่างที่เป็นไฟล์คอมพิวเตอร์ สามารถหาโหลดได้จากเว็บ Bittorrent ได้ทุกอย่าง ตัวอย่างคือ หากมีเน็ทความเร็ว 6 MB สามารถดาวโหลดหนัง DVD ซักเรื่องใช้เวลาไม่ถึง 3 ชม.ก็ได้ไฟล์ สำหรับเตรียมไรท์แผ่นแล้ว
ส่วนโปรแกรมที่นิยมใช้ (เป็นตัวกลางในการติดต่อในการดาวโหลด)
www.utorrent.com
www.bitcomet.com
โปรแกรมนั้น สามารถดาวโหลดได้ฟรีจากเว็บดังกล่าว โดยการติดตั้งไม่ขอพูดถึง แต่ให้ลิ๊งไว้ >>> วิธีการติดตั้ง BitComet การใช้งานวิธีใช้กฎระเบียบของการใช้ขึ้นอยู่กับเว็บแต่ละเว็บที่มีการจัดการคล้ายๆกันไป ตรงนี้คงไม่เล่าเพราะมันมีรายละเอียดอยู่บ้าง
ผลเสียอย่างแรงสำหรับการมี Bittorrent
1. เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของภาพยนต์อย่างรุนแรงเพราะมันสามารถดาวโหลดมาดูเต็มเรื่องได้ฟรีๆ (เมื่อมีแผ่นมาสเตอร์ออกจำหน่ายเมื่อไหร่ ในเว็บ bittorrent ก็จะมีมาปล่อยแจกแทบจะทันทีเช่นกัน) ทำให้ผู้ทำหนังในไทยระอากันมาก
2. เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์เพลงเช่นกัน ทั้งเพลงไทย เพลงสากล มีของจริงขายกันเมื่อไหร่ ในเว็บบิท มีให้โหลดเมื่อนั้น -_-’ แย่จริงๆ
3. เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ Software, Game เช่นกัน เพราะมันก็เอามาใช้ฟรีๆ ไม่ต้องเสียเงิน
เราทุกคนไม่ควรใช้ bittorrent เพราะเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์อย่างรุนแรง
ผู้เขียนบทความ: www.kwamru.com สามารถนำไปเผยแพร่ได้โดยอ้างอิงที่มา





http://www.kwamru.com/category/computer